วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559

ที่ท่องเที่ยวไทย รีวิวสวนน้ำโอเชี่ยนปาร์คบึงสามัคคี

         ร้อนนี้ไม่รู้จะไปไหนที่ท่องเที่ยวไทยแนะนำให้พาครอบครัวมาเที่ยวที่...สวนน้ำโอเชี่ยนปาร์ค กันดีกว่า....สนุกแน่นอน พักผ่อนหย่อนใจ แหล่งรวมไว้ซึ่งความบันเทิง
       ร้อนอากาศร้อนมากๆเลยครับ จะไปที่ไหนก็ร้อนไปหมด เลยหาโอกาสคลายร้อนไปเที่ยวสวนน้ำโอเชี่ยนปาร์ค แถวบ้านพอดีเพิ่งเปิดใหม่ เล่นน้ำให้หายร้อนกันสักหน่อย ก็สนุกไปอีกแบบครับ ภายในร่มรื่นเย็นสบายดีครับมีแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ อากาศดีมีน้ำเย็นเล่นกันจนตัวซีดไปเลย
 บริเวณด้านในครับเสียค่าผ่าน เด็กก็ 100 บาท ผู้ใหญ่ 150 บาท ครับ นี่ยังไม่รวมค่าเช่าชุดนะครับ เพราะค่าเช่าชุดก็เสียอีกตามป้ายข้างบนแต่ก็ไม่แพงเท่าไร พอจ่ายได้ (ค่อนข้างมีฐานะครับ) แน่ะว่าไปนั่น ก็อยากเล่นน้ำมากเลยร้อนจริงๆ ยิ่งมาเปิดใกล้บ้านก็ชอบเลย
บรรยากาศแบบนี้เหมาะกับการมาเป็นครอบครับครับ สร้างความสุข ความรัก ความผูกพันธ์ให้แก่กัน
        หลังจากเช่าชุดเสร็จแล้ว เราก็ไปเปลี่ยนชุด เข้าห้องน้ำ อาบน้ำให้เรียบร้อยก่อนเล่นน้ำครับ ดูจากการเล่นแล้วก็พอจะเดาออกนะครับว่ามันสนุกขนาดไหน มีความสุขสุดๆ จัดไป...
          นี่ก็เป็นอีกมุมหนึ่งครับที่น่านั่งพักผ่อนกับครอบครัว เพื่อน ถ้าไม่ชอบเล่นน้ำก็มุมนี้เลยครับรับรองเย็นสบาย ด้านในมีอาหารไว้คอยบริการสั่งมานั่งกิน เพราะถ้ากินบรรยากาศไม่อิ่มนะครับขอบอก
มุมถ่ายรูปสวยๆก็มีนะครับเลือกถ่ายได้เลยด้านในกว้างขวางห้องน้ำก็สะอาด ของกินก็มีเยอะ ถ้าร้อนนี้ไม่ได้ไปเที่ยวไหนก็ลองแวะมา สวนน้ำโอเชี่ยนปาร์ค นะครับ เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 10.00 น. ถึง 18.00 น. ที่ตั้ง: 179 หมู่ 6 ตำบล ระหาน อำเภอ บึงสามัคคี กำแพงเพชร 62210 โทรศัพท์:081-2835281

"ที่ท่องเที่ยวไทย"

วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2559

ที่ท่องเที่ยวไทย"พระนารายณ์ราชนิเวศน์"

 พระนารายณ์ราชนิเวศน์ (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์)
          สมเด็จพระนารายณ์มหาราช(พ.ศ.2199-2231)โปรดให้สร้างพระราชวังขึ้น ณ เมื่องลพบุรี เมื่อ พ.ศ.2209 สำหรับเป็นทีแปรพระราชฐาน โดยให้สถาปนิกชาวฝรั่งเศสและอิตาลีออกแบบก่อสร้าง พระองค์เสด็จมาประทับ ณ พระราชวังแห่งนี้เป็นเวลานานทุกๆปี และเสด็จสวรรคตที่นี้ หลังจากรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ไม่มีพระมหากษัตริย์องค์ใดมาประทับ จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ ตลอดจนพระที่นั่งเพิ่มเติม ปัจจุบันใช้เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์แบ่งออกเป็น 3 เขต คือ
          เขตพระราชฐานชั้นนอก อาคารสำคัญ ได้แก่ ตึกพระเจ้าเหา อาคารสิบสองท้องพระคลัง ตึกเลี้ยงแขกเมือง อ่างเก็บน้ำและโรงช้างหลวง
          เขตพระราชฐานชั้นกลาง มีพระที่นั่งสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณมหาราช 2 องค์ คือ พระที่นั่งจันทรพิศาล พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท ในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้สร้างหมู่พระที่นั้งพิมานมงกุฎ และทิมดาบ
          เขตพระราชฐานชั้นใน มีพระที่นั่งสุทธาสวรรค์ ที่ประทับส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชและหมู่ตึกพระประเทียบ 8 หลัง สร้างสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

สำนักงานพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าพระราชนิเวศน์





ภายใน พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ ธัญญมหาปราสาท ในปัจจุบัน

การเข้าชมพระนารายณ์ราชนิเวศน์

เปิดให้เข้า ตั้งแต่เวลา 8.30-16.30 น. หยุดวันจันทร์-วันอังคารและวันหยุนักขัตฤกษ์&
การเข้าชมผู้เข้าชมจะต้องเสียค่าเข้าชม ชาวไทยคนละ 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท
ติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่พิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ถนนสรศักดิ์ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี 15000 โทร. 0-3641-1458

"ที่ท่องเที่ยวไทย" 

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2559

ที่ท่องเที่ยวไทย"บ้านหลวงรับราชฑูต"(บ้านวิชาเยนทร์)

"บ้านหลวงรับราชฑูต"(บ้านวิชาเยนทร์) สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในบริเวณแบ่งเป็น 3 ส่วน โดยมีประตูทางเข้า 3 ประตู

          ส่วนทิศตะวันตกเป็นที่พักของออกญาวิชาเยนทร์ ซึ่งเป็นชาวกรีก เดิมชื่อคอนสแตนตินฟอลคอน เข้ามารับราชการในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ ได้รับความดีความชอบและความไว้วางพระราชหฤทัยในตำแหน่งสมุหนายก ระหว่างปี 2228-2231 ภริยาคือ มารี เดอร์กีมาร์ หรือคนไทยรู้จักกันในชื่อท้าวทองกีบม้า กับตำนานขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง
          ส่วนกลางเป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์
          ส่วนทิศตะวันออก เป็นส่วนที่พักของคณะฑูต และในปี 2228 ฑูตฝรั่งเศสเชอวาเลีย เดอโซมองต์ที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี ได้เข้าพักที่ส่วนรับรองคณะฑูตนี้ด้วย

กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2479

สนใจก็ลองแวะไปท่องเที่ยวกันดูนะครับ สถาปัตยกรรมของอาคารเป็นแบบตะวันตก สมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ผสมผสานกับศิลปะสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้อย่างลงตัวเลยครับ
"ที่ท่องเที่ยวไทย"

วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559

ที่ท่องเที่ยวไทย"ศาลพระกาฬลพบุรี"

          ศาลพระกาฬเดิมเรียกว่า "ศาลสูง" เป็นปราสาทเดี่ยวก่อด้วยศิลาแลง ตั้งอยู่กึ่งกลางบนฐานสูง ในแผนผังรูปกากบาท มีมุขยื่นออกมาเป็นบันไดขึ้นทั้งสี่ด้าน น่าจะสร้างขึ้นในวัฒนธรรมเขมร ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16-18 ต่อมาในสมัยอยุธยาได้สร้างอาคารก่ออิฐบริเวณฐานของปราสาทองค์เดิม
          ในปี พ.ศ.1476 ได้สร้างอาคารขึ้นใหม่ทางด้านตะวันตกต่อจากปราสาท เพื่อประดิษฐานพระวิษณุ หรือพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ศิลปะแบบเขมร หรือที่เรียกกันว่า"เจ้าพ่อพระกาฬ"ซึ่งแต่เดิมไม่มีเศียร ชาวเมืองได้นำเศียรพระพุทธรูป ศิลปะอยุธยามาประกอบติดไว้ นอกจากนี้ยังมีทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 17 เทวรูปพระวิษณุหรือพระนารายณ์อีกองค์หนึ่ง ศิลาจารึกหลักที่ 18 อักษรหลังปัลลวะ ภาษามอญโบราณ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 14 จากรึกหลักที่ 19 และจารึกหลักที่ 20 (จารึกศาลสูง) อักษรขอม
ก่อนขึ้นสักการะศาลพระกาฬนะครับควรอ่านป้ายแนะนำสักนิดนึงเพื่อที่จะได้ปฏิบัติตนได้ถูกต้องนะครับ
คนค่อนข้างเยอะนะครับรู้สึกว่าจะมาแก้บนกันด้วย เจ้าพ่อศาลพระกาฬเลื่องลือกันถึงความศักดิ์เลยนะครับถ้ามีโอกาศอย่าลืมไปกราบขอพรท่านนะครับ
ใครที่ยังไม่เคยมาเที่ยวที่ศาลพระกาฬก็ลองมาดูนะครับ ถ้าเป็นวันหยุดรถจะเยอะนิดนึง วันที่มาเที่ยวนั้นผมหาที่จอดรถไม่ได้เลยเพราะที่จอดรถเต็ม นี่แสดงให้เห็นว่าเจ้าพ่อศาลพระกาฬท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆ นอกจากศาลพระกาฬแล้วบริเวณใกล้ๆ กันก็มีที่เที่ยวอีกครับ เช่น พระปรางค์สามยอด พระนารายณ์ราชนิเวศน์ บ้านหลวงรับราชฑูต (บ้านวิชาเยนทร์) 
"ที่ท่องเที่ยวไทย"

ที่ท่องเที่ยวไทย"พิพิธภัณฑ์จันเสน"

 พระมหาธาตุเจดีย์ ในวัดจันเสน
พิพิธภัณฑ์จันเสนตั้งอยู่ที่หมู่ 2 ตำบลจันเสน อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ อยู่ในบริเวณวัดจันเสน
เริ่มก่อสร้างโดยพระครูนิสัยจริยคุณ หรือที่ชาวยบ้านเรียกว่า "หลวงพ่อโอด" ได้มีดำริที่จะสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ขึ้นเพื่อให้เป็นศูนย์กลางชุมชน ภายในจัดให้มีส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อใช้แสดงเรื่องราวของจันเสนในอดีต พร้อมกันไปด้วยพระครูนิวิฐธรรมขันธ์หรือหลวงพ่อเจริญ เจ้าอาวาสรูปต่อมาเป็นกำลังสำคัญที่สานต่องานพิพิธภัณฑ์จนเสร็จสมบูรณ์โดยงบ ประมาณในการก่อสร้างนั้นได้มาจากแรงศรัทธาของประชาชน
เมืองโบราณจันเสน นั้นมีหลวงพ่อโอด อดีตเจ้าอาวาสวัดจันเสน ซึ่งท่านมรณภาพไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 เป็นผู้มุ่งมั่นที่จะสร้างมณฑปเจดีย์ขึ้น โดยมีความมุ่งหมายว่า
          1. ส่วนยอดของมณฑปเจดีย์จะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
          2. องค์เรือนธาตุประดิษฐาน "หลวงพ่อนาค" พระพุทธรูปปางนาคปรกที่นำมาจากเมืองลพบุรี
              เพื่อให้เป็นพระพุทธรูปสำคัญของชุมชน
          3. อาคารส่วนฐานของพระมหาเจดีย์ เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นของท่าน และเป็นพิพิธภัณฑ์เมือง
              จันเสน
พระ มหาธาตุเจดีย์จันเสน อยู่ในห้องชั้นฐานของพระมหาธาตุเจดีย์ การออกแบบได้ใช้ลักษณะของสถูปในสมัยทวารวดีเป็นพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบ ใช้รายละเอียดของลวดลายทางสถาปัตยกรรมในสมัยทวารวดี ซึ่งมีคำจารึกที่ฐานพระมหาธาตุเจดีย์ศรีจันสน ให้ผู้สนใจได้อ่านประวัติความเป็นมาด้วย พิพิธภัณฑ์นี้ เปิดให้เข้าชมในวันเสาร์-อาทิตย์  ผู้ที่ต้องการเข้าชมในวันธรรมดา สามารถติดต่อทางวัดให้เปิดเข้าชมได้ มีเยาวชนอาสาสมัครจากโรงเรียนวัดจันเสน และโรงเรียนจันเสนเอ็งสุวรรณอนุสรณ์ บริการนำเที่ยวภายในบริเวณเมือง และนำชมภายในพิพิธภัณฑ์ด้วย

 

 มาถึงก็นมัสการรูปหล่อของหลวงพ่อโอด หรือพระครูนิสัยจริยคุณที่ประดิษฐานกลางพิพิธภัณฑ์เลือกธูปประจำวันเกิดด้วยนะครับมีให้เลือกตามวันเกิด









           ภายในพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงวิวัฒนาการ พัฒนาการบ้าน-เมืองในยุคเหล็ก จันเสนในสมัยฟูนัน-สุวรรณภูมิ จันเสนในสมัยทวารวดี วิถีชีวิตชาวจันเสนสมัยทวารวดีความน่าสนใจของ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นจันเสนนี้ไม่ใช่แค่ข้าวของด้านในเพียงเท่านั้น แต่ที่มาของพิพิธภัณฑ์ซึ่งถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นลำดับต้นๆ ของไทยที่มีการร่วมมือกันของวัด ชุมชนและโรงเรียนในการดูแลจัดการ ตั้งแต่เริ่มแรกที่สร้างพระมหาธาตุเจดีย์และพิพิธภัณฑ์นั้น ก็ไม่ต้องอาศัยเงินทุนงบประมาณของภาครัฐเลย เพราะคนในชุมชนและประชาชนทั่วไปได้มีศรัทธาบริจาคสบทบทุน อีกทั้งยังมีนักเรียนในชุมชนรวมกลุ่มกันเป็นยุวมัคคุเทศก์ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับชุมชนของตนเอง พิพิธภัณฑ์จึงยังอยู่ต่อเนื่องมาจนถึง 10 ปีโดยที่มีผู้คนนักท่องเที่ยวเข้ามาดูอย่างสม่ำเสมอ ไม่ซบเซาไปอย่างพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นอื่นๆ

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559

ที่ท่องเที่ยวไทย"เที่ยววัดตาลเจ็ดยอดประจวบคีรีขันธ์"

 
         หลังจากไปเที่ยวที่อุทยานราชภักดิ์มา ก็เลยมาเที่ยวที่นี่ครับสวยไม่แพ้กัน นั่นก็คือ.....วัดตาลเจ็ดยอด ตั้งอยู่ ตำบลศาลาลัย อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์สิ่งน่าสนใจภายในวัดตาลเจ็ดยอด คือ รูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี ) ขนาดหน้าตักกว้าง ๑๑ เมตร สุง ๑๘ เมตร น้ำหนักรวม 50,000 กิโลกรัม หล่อจากโลหะทองเหลืองเป็นชิ้นใหญ่ 16 ชิ้น ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในขณะนี้
หลวงพ่อโตองค์ใหญ่ สร้างขี้นโดยพระมหาจำนงค์ จรณธมฺโม เจ้าอาวาสวัดตาลเจ็ดยอด และประชาชนที่มีจิตศรัทธา ตั้งแต่ พ.ศ. 2548 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี ด้วยเหตุจูงใจ ท่านเจ้าอาวาสต้องการให้ญาติโยมได้มีสถานที่สักการะ บูชา หลวงพ่อโต โดยไม่ต้องเดินทางไกลไปที่อื่น

ภายในบริเวณวัดตาลเจ็ดยอด มีศาลาปฏิบัติธรรม มีบ่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ที่จำลองสถานที่คล้ายกับบ่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธ์ วัดอินทรวิหาร มีธรรชาติความร่มรี่น เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม มีบริการอาหารกลางวันโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย 

มาถึงแล้วที่แรกที่ต้องไปครับห้องน้ำทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนเดินท่องเที่ยวให้รอบๆ วัดเลย ซึ่งกว้างเหลือเกิน แดดแรงมากครับต้องพกหมวกไปด้วยครับ
นอกจากสมัสการหลวงพ่อโตแล้ว ก็ยังมีหลวงพ่อเงินองค์ใหญ่พอๆ กันด้วยครับ
ด้านบนก็จะมีหลวงพ่ออีกหลายองค์ครับให้เราสมัสการและก็ปิดทองของพรกัน ลมเย็นสบาย พัดมาตลอดบรรยากาศดี




บริเวณรอบๆ วัดครับมีที่พักผ่อนหย่อนใจเยอะจริงๆ บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายเดินไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้เต็มเลยสงบเงียบ



 
 

            หลังจากเดินนมัสการหลวงพ่อกันจนเหนื่อยแล้วและอิ่มบุญกันถ้วนหน้า ก็มาหาของกินกันบ้างครับเริ่มหิวแล้วนี่ แต่ที่เห็นนั้นเค้าแจกฟรีนะครับไอกรีมขออนุโมทนาบุญด้วยครับอิ่มทั้งบุญและอิ่มทั้งท้อง ก่อนกลับก็เลยแวะซื้อของกินของฝากและของที่ระลึกกันสักหน่อย หากใครไปประจวบฯ นะครับ ก็ไม่ควรพลาดที่นี่ มานมัสการหลวงพ่อโต หลวงพ่อเงินองค์ใหญ่ ดื่มน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลกันนะครับ วัดตาลเจ็ดยอด ตั้งอยู่ ตำบลศาลาลัย อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
"ที่ท่องเที่ยวไทย"

วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559

ที่ท่องเที่ยวไทย"วัดเขาวงพระจันทร์ลพบุรี"

          ที่ท่องเที่ยวไทยสวัสดีครับ....แนะนำที่เที่ยวที่ถือว่าสุดๆอีกที่หนึ่งครับนั่นคือ..วัดเขาวงพระจันทร์ลพบุรีครับได้ทั้งบุญและบรรยากาศที่สวยงาม แต่ขอบอกนิดนึงนะครับว่าใครที่คิดจะขึ้นวัดเขาวงพระจันทร์ลพบุรี ควรที่จะฝึกฝนร่างกายด้วยนะครับไม่งั้นเดี้ยงแน่ครับ เพราะกว่าจะถึงยอดเขาซึ่งเป็นที่นมัสการรอยพระพุทธบาทและหลวงพ่อที่ดังๆ มากมายคุณจะต้องเดินเท้าขึ้นบันไดจำนวน 3790 ขั้นเลยทีเดียว
          พร้อมหรือยังครับถ้าพร้อมแล้วผมจะพาไปลุยกัน....

 ก่อนขึ้นครับต้องถ่ายรูปสักหน่อยก่อนครับสังเกตว่าตอนนี้หน้าตาสดใสมากมั่นใจสุดๆ ว่าเราจะพิชิตยอดเขาได้แน่นอนครับ...คอนเฟิร์ม

ตรงนี้จะเป็นทางขึ้นเขานะครับยังไม่นับขั้นบันไดนะครับพี่น้อง อ้อ..ลืมบอกไปนะครับก่อนขึ้นควรทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยนะครับเข้าห้องน้ำซะเพราะข้างบนกว่าจะถึงไม่มีห้องน้ำระหว่างทางเลยนอกจากบนยอดเขาทีเดียวเลยครับ ยิ่งน่าเทศกาลนะคนเต็มไปหมดเลยแทบไม่มีที่เดินเลย พอดีผมถามพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นน่ะครับ

และแล้วการเดินทางของพวกเราก็เริ่มขึ้นแล้วนะครับ เรามีการวางแผนการเดินทางในครั้งนี้เป็นอย่างดีเราจับเวลาตั้งแต่ออกเดินทางเลยครับ (มือใครอ่ะขนเยอะมาก)
นี่แหละครับเพิ่งถึงทางขึ้นเองครับ พอเห็นแล้วเราก็ไม่ท้อเท่าไรเพราะขั้นบันไดไม่สูงมากนักก้าวขึ้นบันไดแบบสบายๆ ชิวๆ
 แล้วการเดินทางพิชิตยอดเขาเอฟเวอเรส เอ้ย...เขาวงพระจันทร์ก็เริ่มขึ้นแล้วก่อนขึ้นสังเกตดูสีหน้าทุกคนยิ้มแย้มกันมากอารมณ์ดีสุดๆ (ดูกันต่อไป)
 หลังจากเดินได้สักพัก เราก็เริ่มที่จะนั่งพักสักครู่
 และแล้วบันได้สู่ความสำเร็จก้าวแรกก็มาถึง เราเดินทางมาถึง 500 ขั้นแล้วครับพี่น้อง ตื่นเต้นสุดๆ
 จากนั้นเราก็ออกเดินทางไปต่อ ระหว่างทางครับเราเจอสิ่งนี้ครับ พูดได้คำเดียวว่า "น่าทึ่ง" พี่แกสไลด์ลงจากเขาด้วยถุงเพียงใบเดียวความเร็วก็พอได้ที่เค้าเรียกว่า "ถุงซิ่ง" ใบละ 20 บาท ใครไม่ชำนาญก็ขอเตือนว่าอย่าดีกว่าครับ เพราะเขาทั้งสูงและชันเลย พี่แกเจ๋งมาก ยกนิ้วให้เลย
นี่เป็นรูปพระพุทธรูป แต่ก่อนเป็นองค์สีขาวนะครับแต่ตอนนี้ถูกปฏิสังขรอยู่ เห็นว่าเค้าจะทำให้เป็นสีทอง

เราดั้นด้นมาจนถึง 1000 ขั้นแล้วครับ นั่งพักดื่มน้ำกันสักครู่ก่อนพร้อมกับถ่ายรูปชมวิวไปเพลินๆ
 พักหายเหนื่อยแล้วเราก็เริ่มเดินทางต่อครับ คอนเซฟของเราคือ เดิน 10 นาที พักครึ่งชั่วโมง ครับ


ที่น่าทึ่งสุดๆคือพี่คนนี้ครับ เห็นป่าวครับข้างหลังของเค้านั่นคืออะไร...เฉลย..ตู้เย็นครับ พี่แกเล่นแบกตู้เย็นขึ้นเขาเดินแซงพวกเราอย่างหน้าตาเฉยพี่แกอึดจริงๆร่างกายแข็งแรงมากเหงื่อไหลท่วมตัวเลย พอดีพี่แกเป็นคนขายของอยู่ข้างบนน่ะ แกแบกขึ้นมาเพื่อเอาไว้แช่ของขายครับน่าชื่นชมจริงๆ ขนาดพวกเราแค่ตัวเปล่าเดินขึ้นไปก็ขาแทบพันกันแล้ว แต่พี่แกมีตู้เย็นอยู่ข้างหลังยังเดินแบบสบายๆ เหมือนไม่หนัก


ขั้นแล้วขั้นเล่าที่เราได้ฝ่าฟันเพื่อจะพิชิตมันให้ได้ พักไม่รู้กี่ที่ ลืมบอกไปว่าระหว่างทางจะมีจุดพักเป็นระยะๆ ทำให้เรารู้สึกไม่เหนื่อยมากนัก มีร้านค้าขายน้ำและของกินด้วยนะครับ อย่าลืมพกเงินไปด้วยล่ะซื้อของกินข้างบนให้มีแรงแล้วค่อยเดินขึ้นไปต่อ สู้ๆๆ




 ใจสู้หรือเปล่า ไหวไม๊บอกมา ใกล้ถึงแล้วครับ บอกได้คำเดียวว่าปวดขามากเลย ยิ่งสูงมันก็เริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ แดดก็ร้อนซิครับ หิวก็หิว ต้องหาที่พักแล้วๆๆๆ

พอได้พักกินน้ำกินท่าสักหน่อย ก็เริ่มมีแรงเดินต่อจนถึง 3000 ขั้นแล้วครับ อีกนิดเดียวก็ถึงแล้วดีใจจัง




เราพักถ่ายรูปกันที่"ศาลาตั้งวิริยะเมธผู้แสวงบุญ"ถ่ายภาพวิวสวยมากลมพัดเย็นตลอด ถ้านอนก็หลับแน่ใกล้ถึงเต็มทีแล้วครับ ทั้งรู้สึกตื่นเต้นและก็ล้าเต็มที


ในที่สุดเราก็มาถึงจนได้ครับ..พี่น้องตื่นเต้นจัง เดี๋ยวจะพาไปดูรอบๆยอดเขาวงพระจันทร์กันครับว่าสวยขนาดไหน





















นี่แหละครับด้านบนยอดเขาวัดวงพระจันทร์ลพบุรีครับ ตั้งใจมานมัสการพระพุทธบาทเลยครับและนมัสการพระพุทธรูปทุกองค์ที่อยู่ข้างบน จากนั้นก็ถ่ายภาพจากด้านบนลงไปสวยงามมากครับ ทัศนียภาพของอำเภอโคกสำโรงครับ หายเหนื่อยเลยครับ ถ้าคุณมีศรัทธา..คุณต้องมาที่นี่ครับ วัดเขาวงพระจันทร์ ตำบลห้วยโป่ง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี 15120
เบอร์ติดต่อ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลพบุรี  0-3677-0096-7 
แต่อยากให้เที่ยวกันในเชิงอนุรักษ์นะครับอย่าทำลายธรรมชาติ อย่าทิ้งขยะนะครับ..พี่น้อง
 "ที่ท่องเที่ยวไทย"

ถ้าชอบกด Like ใช่ กด Share